รวมทั้งการชุมนุมของคนเสื้อแดง เพื่อต่อต้านรัฐประหารอย่างแพร่หลาย และมีการวิพากษ์วิจารณ์บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์และองคมนตรีในการรัฐประหาร ปี 2552 ภายใต้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีการชุมนุมของคนเสื้อแดงและการใช้กำลังทหารสลายการชุมนุม จากการบันทึกข้อมูลของโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) พบว่าการดำเนินคดีมาตรา 112 เพิ่มสูงขึ้นในช่วงระหว่างและหลังการสลายการชุมนุมในปี 2553 มากกว่าช่วงปี 2552 ปี 2558 ภายใต้รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มาจากการรัฐประหารโดย คสช. มีการจับกุมผู้ที่มีความเห็นต่างจากรัฐบาลด้วยมาตรา 112 เป็นจำนวนมาก ขณะที่ในปี 2560 iLaw รายงานว่า ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองจากการสวรรคตของในหลวง รัชกาลที่ 9 ตามมาด้วยความโกรธแค้นของประชาชน การระบายออกท่ามกลางความอึดอัด และการดำเนินคดีจำนวนหนึ่งตามมา ซึ่งมีเหตุจากช่วงปลายปี 2559 ทำให้มีสถิติจำนวนคดีที่สูงขึ้นเช่นกัน
การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 นับเป็นการรัฐประหารครั้งที่ 12 ของประวัติศาสตร์ไทย เกิดขึ้นโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค. ) ซึ่งมีพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะ ยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการของนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น รวมทั้งยกเลิกการเลือกตั้งซึ่งมีกำหนดจัดในเดือนตุลาคม ยกเลิกรัฐธรรมนูญ สั่งยุบสภา สั่งห้ามการประท้วงและกิจกรรมทางการเมือง ยับยั้งและตรวจพิจารณาสื่อ ประกาศใช้กฎอัยการศึก และจับกุมสมาชิกคณะรัฐมนตรีหลายคน จากนั้นได้มีการจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราว โดยมีพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้น คปค. ได้แปรสภาพเป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช. ) และได้แถลงสิ้นสุดภารกิจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2551 โดยระบุว่าเนื่องจากประเทศไทยได้สู่สภาวะปกติอย่างสมบูรณ์ตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเห็นชอบในการแต่งตั้งนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี AFP เกิดอะไรขึ้นบ้างหลัง รัฐประหาร 2549 หลังจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ตลาด หุ้น เปิดทำการซื้อขายเป็นวันแรก เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2549 ปรับตัวลงไปแรงที่สุด 29.
56 คิดเป็น 4. 2% ในช่วงเปิดตลาด ทว่าในช่วงใกล้ปิดตลาด ดัชนีกระเตื้องขึ้นจึงปรับตัวลงไปเพียง 1. 42% เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจขณะนั้นยังแข็งแรงอยู่ ด้านรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น ได้ตัดเงินช่วยเหลือด้านการทหาร และด้านการรักษาสันติภาพแก่ไทยเป็นจำนวน 24 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 900 ล้านบาท วันที่ 24 กันยายน 2549 สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง "ความคิดเชิงประเมินผลของประชาชนต่อสังคมไทยและคุณลักษณะของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ประชาชนต้องการ: กรณีศึกษาประชาชนทั่วไปในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล" โดยสอบถามประชาชนจำนวน 1, 550 คน ระหว่างวันที่ 22 - 23 กันยายน พบว่า ประชาชน 92. 1% รู้สึกว่าทหารเป็นที่พึ่งได้ 89. 1% รู้สึกปลอดภัย 87% รู้สึกทหารเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง 82. 6% รู้สึกอบอุ่น ขณะที่อีก 24. 9% รู้สึกกังวล 20. 5% รู้สึกไม่สะดวก 19. 7% รู้สึกตกใจ 7. 6% รู้สึกไม่ชอบ และ 6. 5% รู้สึกกลัว รัฐประหาร 2549 จุดเริ่มต้นของหลายสิ่ง การยุบพรรคการเมือง หลังจากการรัฐประหาร คปค. ได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ. ศ. 2540 ส่งผลให้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดเก่าถูกยกเลิกไปด้วย และมีการตั้งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ รวมทั้งออก ประกาศ คปค.
ฉบับที่ 27 กำหนดให้ พ. ร. บ.
85 หมื่นล้านบาท 8. 12 หมื่นล้านบาท และ 8. 59 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ทว่า หลังจากการรัฐประหาร 2549 งบประมาณของกระทรวงกลาโหมกลับเพิ่มขึ้นถึงหลักแสนล้าน โดยในปี 2563 ได้รับงบประมาณ 2. 31 แสนล้านบาท และในปี 2564 ได้รับงบประมาณอยู่ที่ 2. 14 แสนล้านบาท เศรษฐกิจชะลอตัว ก่อนการรัฐประหารปี 2549 อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยอยู่ในระดับสูง ทว่า หลังจากการรัฐประหาร ปี 2549 อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจโดยเฉลี่ยลดต่ำลง โดยเฉพาะในปี 2554 ที่เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ อัตราการขยายตัวอยู่ที่ 0. 1% ปี 2557 ที่เกิดการรัฐประหารโดย คสช. มีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 0. 7% และปี 2563 มีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจอยู่ที่ -6. 1% ส่วนปี 2564 ในช่วงครึ่งแรกของปี เศรษฐกิจไทยขยายตัว 2% สถานการณ์ด้านเสรีภาพ ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน สำหรับสถานการณ์ด้านเสรีภาพหลังจากการรัฐประหารโดย คปค. มีการประกาศกฎอัยการศึก รวมทั้งออกประกาศ คปค. ฉบับที่ 7 ห้ามมิให้มีการชุมนุมทางการเมือง ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10, 000 บาท ประกาศฉบับนี้ถูกยกเลิกเมื่อเดือนธันวาคม 2549 เท่ากับว่า นับจากวันประกาศใช้จนถึงวันที่มีการออกกฎหมายยกเลิก "ประกาศห้ามชุมนุมเกิน 5 คน" มีอายุเป็นกฎหมายอยู่ที่ 3 เดือน 6 วัน ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมือง 21 กันยายน 2549 คปค.