แอลกอฮอล์ ภาพ: แอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์นอกจากจะใช้ฆ่าเชื้อโรคแล้ว ยังใช้ขจัดคราบราดําในห้องน้ำได้เช่นกัน แต่เหมาะสำหรับพื้นที่บริเวณเล็ก ๆ หรือบริเวณที่เพิ่งเกิดคราบราดำขึ้น โดยพ่นแอลกอฮอล์ลงบนคราบราดำ แล้วทิ้งไว้สักพักจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะช่วยกำจัดคราบราดำเบื้องต้นได้ 6. ตรวจสอบระบบระบายอากาศ ภาพ: ตรวจสอบพัดลมดูดอากาศ นอกจากการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแล้ว การขจัดคราบราดําห้องน้ำยังแก้ไขได้ที่ต้นเหตุด้วยการตรวจสอบพัดลมดูดอากาศว่าทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพหรือไม่ เพราะพัดลมดูดอากาศจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการระบายความชื้น อันเป็นสาเหตุของราดำให้ออกจากห้องน้ำนั่นเอง 7. เปิดหน้าต่างบ้าง ภาพ: หน้าต่างห้องน้ำ นอกจากตรวจสอบพัดลมดูดอากาศแล้ว การแลกเปลี่ยนอากาศจากภายนอกอย่างการเปิดหน้าต่างห้องน้ำให้ความชื้นได้ระบายออกเสียบ้าง ก็เป็นอีกวิธีแก้ปัญหาที่ต้นเหตุที่ไม่ควรมองข้าม โดยควรเปิดหน้าต่างห้องน้ำเพื่อให้พื้น และผนังแห้ง จะช่วยลดความชื้นที่สะสมอยู่ออกไปได้เป็นอย่างมาก 8. หมั่นทำความสะอาดห้องน้ำเป็นประจำ ภาพ: ทำความสะอาดพื้นกระเบื้อง หมั่นทำความสะอาดห้องน้ำเป็นประจำ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค สิ่งสกปรก และความชื้น สำหรับร่องยาแนวสามารถเลือกใช้ น้ำยาจระเข้สำหรับทำความสะอาดร่องยาแนว ที่ไม่เป็นกรด และไม่ทำลายพื้นผิวยาแนว ควบคู่กับน้ำยาจระเข้สำหรับทำความสะอาดทั่วไป เพื่อให้พื้นห้องน้ำสะอาดป้องกันการเกิดคราบราดำในอนาคตนั่นเอง 9.
ทั้งราเองและน้ำยาทำความสะอาดที่ใช้กำจัดราก็สามารถระคายเคืองต่อตา ผิว และปอดได้ ฉะนั้นคุณต้องรับอากาศบริสุทธิ์เข้าไปให้มากที่สุด โดยให้เปิดหน้าต่างให้เยอะที่สุดในพื้นที่ที่คุณจะกำจัดเชื้อรานั่นเอง [3] ในช่วงหน้าหนาว ให้เปิดหน้าต่างอย่างน้อยหนึ่งหรือสองบานเพื่อให้อากาศบริสุทธิ์ไหลเข้ามาบ้าง 4 เปิดช่องระบายอากาศและพัดลม. ในการที่จะพัดเอาสปอร์ออกจากห้องและบ้านของคุณนั้น ก็ให้เปิดพัดลมระบายอากาศในห้องที่คุณจะทำการระบายนั่นเอง หรือจะวางพัดลมเอาไว้ด้านหน้าหน้าต่างที่เปิดอยู่ แล้วหันหน้าพัดลมไปด้านนอกก็ได้ มันจะช่วยพัดเอาสปอร์เชื้อราในห้องออกไปข้างนอกเอง ในการป้องกันไม่ให้พัดสปอร์วนไปมาทั่วห้อง ก็อย่าเปิดพัดลมที่ไม่ได้วางหน้าหน้าต่างและไม่ได้พัดเอาอากาศออกไป 5 สวมอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกัน. การสัมผัสกับเชื้อราสามารถทำให้คุณเจ็บไข้ได้ป่วยเอาได้ และน้ำยาทำความสะอาดที่ใช้อาจเป็นอันตรายและมันก็มีฤทธิ์กัดกร่อนด้วย ฉะนั้นคุณควรสวมอุปกรณ์ป้องกันเพื่อป้องกันตัวเองขณะทำความสะอาด โดยมีดังนี้ [4] แว่นตานิรภัย ถุงมือไม่มีรู หน้ากากกันฝุ่นหรือหน้ากากนิรภัย 6 อย่าผสมสารทำความสะอาดเข้าด้วยกัน. คุณต้องเลือกใช้น้ำยากำจัดเชื้อราเพียงชนิดเดียว และต้องใช้ชนิดนั้นไปจนจบ การเอาน้ำยามาผสมกันนั้นอาจเป็นอันตรายอย่างมากได้ และอาจเกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่คาดไม่ถึงได้เช่นกัน [5] ห้ามผสมแอมโมเนียเข้ากับสารฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดอื่นๆ ในบ้านเด็ดขาด 7 พิจารณาที่จะเปลี่ยนวัสดุดูดซับ.
เบกกิ้งโซดา ภาพ: เบกกิ้งโซดา นอกจากใช้น้ำส้มสายชูเจือจางแล้ว สำหรับการขจัดคราบราดําในห้องน้ำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถเลือกใช้วิธีโรยเบกกิ้งโซดาลงบนร่องกระเบื้องดําเสียก่อน แล้วฉีดพ่นน้ำส้มสายชูลงไป ให้วัตถุดิบทั้งสองทำปฏิกิริยากัน แล้วขัดด้วยแปรงจุ่มน้ำ จากนั้นเช็ดทำความสะอาดก็เป็นอันเสร็จ 3. น้ำมะนาว ภาพ: การทำความสะอาดด้วยน้ำมะนาว น้ำมะนาวถือเป็นวัตถุดิบหนึ่งที่มีฤทธิ์เป็นกรด แต่ใช้ทำความสะอาดได้โดยไม่ส่งผลเสียต่อผู้ใช้งาน สำหรับการกําจัดราดําในห้องน้ำก็ทำได้ง่าย ๆ เพียง ผสมน้ำมะนาว 1/3 ถ้วยตวงเข้ากับ น้ำเปล่า 7 ถ้วยตวง เบกกิ้งโซดา ½ ถ้วยตวง และน้ำส้มสายชู ¼ ถ้วยตวง แล้วใช้แปรงจุ่มส่วนผสมแล้วขัดลงบนคราบยาแนว ทิ้งไว้สักพักจึงใช้น้ำล้างออกให้สะอาด ก็จะช่วยขจัดคราบราดําห้องน้ำได้เป็นอย่างดี 4. ผงซักฟอก ภาพ: น้ำยาซักผ้า สำหรับสูตรผงซักฟอกนั้น เป็นการนำส่วนผสมมาผสมให้เข้ากันเหมือน สครับกําจัดราดําในห้องน้ำ แต่สำหรับวิธีนี้ควรใส่ถุงมือ แว่นตา และเปิดประตู หน้าต่างระบายอากาศด้วย โดยนำเบกกิ้งโซดา ¾ ถ้วยตวง มาผสมกับน้ำยาซักผ้า ¼ ถ้วยตวง แล้วไปป้ายไว้ตาร่องยาแนวที่มีราดำ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที จากนั้นใช้แปรงขัดให้สะอาด แล้วทิ้งไว้ต่ออีก 5-10 นาที หลังจากนั้นใช้ผ้าเช็ดคราบสกปรกก็จะหลุดออกอย่างหมดจด 5.
ผสมกับน้ำ 1 แกลลอน (3. 8 ลิตร) น้ำส้มสายชูกลั่นบริสุทธิ์ น้ำมันทีทรี 1 ช้อนชา (5 มล. ) และน้ำเปล่า 1 ถ้วย (235 มล. ) เบกกิ้งโซดาและน้ำในปริมาณเท่ากัน ผสมกันในชาม ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หนึ่งส่วนผสมกับน้ำเปล่าสองส่วน บอแรกซ์ 1 ถ้วย (409 ก. ) ละลายในน้ำเปล่า 1 แกลลอน (3. 8 ลิตร) บอแรกซ์ ¼ ถ้วย (102 ก. ) ละลายในน้ำส้มสายชู ½ ถ้วย (118 มล. ) และน้ำอุ่น 4 ถ้วย (940 มล. ) ลงสารทำความสะสาดให้ชุ่ม. สำหรับสารละลายที่เป็นของเหลว ก็ให้ฉีดสารนั้นใส่ผิวที่มีราติดที่เพิ่งขัดไปเมื่อครู่ในปริมาณมาก สำหรับสารที่เป็นเนื้อครีม ก็ให้ใช้มีด แปรง หรือแปรงสีฟันเก่าๆ จุ่มแล้วทาซะ ปล่อยสารทำความสะอาดเอาไว้ประมาณ 15 นาที เพื่อเป็นการให้เวลาสารได้เจาะเข้าไปถึงราและฆ่ามันถึงราก ซึ่งจะเป็นการป้องกันไม่ให้มันกลับมาใหม่ [10] ขัดวัสดุที่เป็นรูพรุน. เมื่อตัวสารละลายได้ใช้เวลาซึมซับเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ใช้แปรงขนแข็งขัดมันได้เลย มันจะช่วยขจัดเชื้อราช่วยให้สารทำความสะอาดทำงานได้ดีขึ้นอีก [11] จะใช้แผ่นขัดทำความสะอาดแทนก็ได้เช่นกัน ล้างและทำให้บริเวณนั้นแห้ง. ล้างบริเวณนั้นด้วยน้ำสะอาดเพื่อชะล้างเชื้อราที่ยังตกค้างและสารทำความสะอาดออกไป เมื่อราและสารทำความสะอาดถูกล้างออกไปหมดแล้ว ก็ให้ใช้ผ้าขนหนูหรือไม้กวาดหุ้มยางเช็ดน้ำออก เพื่อกำจัดความชื้นส่วนเกินและป้องกันไม่ให้รากลับมาโตขึ้นได้อีก [12] เชื้อราสามารถเริ่มโตขึ้นบนบริเวณพื้นผิวที่ชุ่มชื้นได้ภายใน 24 ชั่วโมง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมต้องทำให้บริเวณนั้นแห้งทันทีหลังจากทำความสะอาดนั่นเอง รู้ว่าเมื่อไรถึงควรจะเรียกผู้เชี่ยวชาญมาจัดการ.
แบ่งโซนเปียก-แห้งให้ชัดเจน ภาพ: ห้องน้ำแบ่งโซนเปียก-แห้ง สำหรับผู้ที่กำลังสร้างห้องน้ำใหม่ หรือกำลังรีโนเวทบ้าน ควรเปลี่ยนมาสร้างห้องน้ำแบบแบ่งโซนเปียก-แห้ง เพื่อลดพื้นที่สะสมตัวของความชื้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากความเปียกลื่นอีกด้วย 10.
เชื้อราอาจทำความสะอาดได้ยาก ยิ่งถ้ามันขึ้นที่บริเวณที่ยากจะเข้าถึงหรือบนวัสดุบางอย่าง อย่างแผ่นผนังหรือวัสดุอื่นที่มีรูพรุน สำหรับกรณีที่ควรต้องขอให้ผู้เชี่ยวชาญมากำจัดเชื้อราให้ก็มีดังนี้ [13] ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใช้ไม่ได้ผล บริเวณที่ราขึ้นนั้นกว้างกว่า 3 ตารางเมตร คิดว่ามีราขึ้นอยู่ในฮีตเตอร์ ระบบหล่อเย็น หรือระบบระบายอากาศ มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับเชื้อรา ปัญหาเชื้อรานี้เกิดจากน้ำหรือสิ่งปฏิกูลที่ปนเปื้อน ส่วน 3 ของ 3: ป้องกันราดำ กำจัดแหล่งที่ทำให้เกิดความชื้น. ตราบใดที่ยังมีแหล่งที่ให้ความชุ่มชื้นอยู่ ราก็มีสิทธิ์เกิดขึ้นมาอยู่ดี หลังจากที่กำจัดเชื้อราออกไปได้แล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องกำจัดความชื้นอันเป็นสาเหตุที่ทำให้ราโตขึ้นมาตั้งแต่แรกไปด้วย [14] ปัญหาเชื้อราอาจเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ด้วย ขึ้นอยู่กับว่าตรงไหนที่ราเคยขึ้น รอยรั่วซึม น้ำท่วม น้ำล้น/หก น้ำขังจากการทำอาหารหรืออาบน้ำ ไม่มีขอบเขตในการขังน้ำในชั้นใต้ดิน ลดความชื้น. เชื้อราจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ในการป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราขึ้น ก็ให้ติดตั้งไฮโกรมิเตอร์ แล้วคอยดูระดับความชื้น เมื่อมันสูงเกินไปแล้ว วิธีที่จะลดมันได้ก็มีดังต่อไปนี้ [15] เปิดเครื่องลดความชื้น เปิดแอร์ เปิดหน้าต่าง เพิ่มการระบายอากาศ เปิดหน้าต่างและใช้พัดลมระบายอากาศขณะทำอาหาร หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ทำให้แห้ง.