ท่าตูม นอกจากนี้ยังมีชาวกูยอยู่บ้างเป็นส่วนน้อยที่อาศัยอยู่ใน จ. บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ แต่ข้อเท็จจริงแล้ว ชาวกูยไม่ได้เลี้ยงช้างเป็นกันทุกคน มีชาวกูยเพียงประมาณ 10% เท่านั้นที่เลี้ยงช้าง (อ้างอิงใน "ททท. ; เข้าใจถิ่น เข้าใจเที่ยว สุรินทร์") นอกจากนั้นก็ประกอบอาชีพทำนาเช่นเดียวกับชาวสุรินทร์ทั่วๆ ไป และก็มีแต่เพียงผู้ชายเท่านั้นที่มีบทบาทในเรื่องทำพิธีกรรมหรือเลี้ยงช้าง ส่วนผู้หญิงก็อยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือน และเลี้ยงไหมทอผ้า ชาวลาว อาศัยอยู่ในแถบ อ. ชุมพลบุรี รัตนบุรี สนม ตามแถบลุ่มแม่น้ำมูล สันนิษฐานกันว่าเป็นชนพื้นเมืองเดียวกันกับที่มีอยู่ในแขวงจำปาศักดิ์ ประเทศลาว ชาวลาวสุรินทร์มีความเชื่อมโยงกับชาวลาวในภาคอีสานด้วยกัน มีขนบธรรมเนียมประเพณี การดำเนินชีวิต และมีวัฒนธรรมเดียวกันกับชนกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน จนดูกลมกลืนยากที่จะจำแนกออกจากกันได้ เช่น มีการแห่ปราสาทผึ้ง บุญสารทเดือนสิบ ประเพณีบุญบั้งไฟ เป็นประจำทุกๆ ปี มีคติการนับถือ "ผีฟ้า" อย่างเดียวกัน ชาวเขมร เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีจำนวนมากที่สุดของคนสุรินทร์ อาศัยอยู่ในเขต อ.
การแต่งกายเป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่ง ที่บ่งบอกเอกลักษณ์ของคนแต่ละพื้นถิ่น สำหรับในเขตภาคเหนือหรือดินแดนล้านนาในอดีต ปัจจุบันการแต่งกายแบบพื้นเมืองได้รับความสนใจมากขึ้น แต่เนื่องจากในท้องถิ่นนี้มีผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์อาศัยอยู่ เช่น ไทยวน ไทลื้อ ไทเขิน ไทใหญ่ และอิทธิพลจากละครโทรทัศน์ ทำให้การแต่งกายแบบพื้นเมืองมีความสับสนเกิดขึ้น ดังนั้นคณะทำงานทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม กลุ่มสถาบันอุดมศึกษาภาคเหนือ จึงได้ระบุข้อไม่ควรกระทำในการแต่งกายชุดพื้นเมือง ของ "แม่ญิงล้านนา" เอาไว้ว่า 1. ไม่ควรใช้ผ้าโพกศีรษะ ในกรณีที่ไม่ใช่ชุดแบบไทลื้อ 2. ไม่ควรเสียบดอกไม้ไหวจนเต็มศีรษะ 3. ไม่ควรใช้ผ้าพาดบ่าลากหางยาว หรือคาดเข็มขัดทับ และผ้าพาดที่ประยุกต์มาจาก ผ้าตีนซิ่นและผ้า "ตุง" ไม่ควรนำมาพาด 4. ตัวซิ่นลายทางตั้งเป็นซิ่นแบบลาว ไม่ควรนำมาต่อกับตีนจกไทยวน ดังนั้น จึงอาจสรุปลักษณะการแต่งกายของแม่ญิงล้านนาอย่างคร่าวๆได้ ดังนี้ การเกล้าผมและเครื่องประดับศีรษะ 1. การเกล้าผม การเกล้ามวยผมของหญิงชาวล้านนามีหลายแบบ เช่น เจ้านายไทเขินจะเกล้ามวยไว้กลางหัว ไทใหญ่มวยอยู่ กลางหัวแต่จะเอียงมาทางซ้าย เพื่อให้ปลายผมทิ้งชายยาวห้อยลงมา ส่วนการเกล้าผมอย่างคนไทยวน มีชื่อเรียกขานต่างๆ กัน ดังนี้ 'เกล้าวิดว้อง' เป็นการเกล้าผมทรงสูงแล้วดึงปอยผมขึ้นมาเป็นว้องหรือเป็นห่วงอยู่กลางมวย 'เกล้าผมบ่มจ๊อง หรือ ผมอั่วจ๊อง' คือ การเอาผมปลอมปอยหนึ่ง (จ๊อง-ช้อง) ใส่เข้าไปในมวยผมเพื่อให้มีขนาดใหญ่ขึ้น 'เกล้าผมแบบอี่ปุ่น หรือ เกล้าแบบสตรีญี่ปุ่น' เป็นทรงผมที่นิยมมากในสมัย พระราชชายาเจ้าดารารัศมี 2.
2 ซึ่งมีอายุเพียง 7-8 ปี แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเด็กแม่ยิงลาวเมื่อจบชั้นป.
ศ. ใด ทราบแต่เพียงว่าเป็นช่วงที่พม่ามีอำนาจในการปกครองเวียนจันทน์ ชนเวียงจันทน์และหัวเมืองลาวใกล้เคียงต่างลี้ภัยอพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารอยู่ที่เมืองนครราชสีมา พระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราชทรงอนุญาตให้ชาวลาวอพยพดังกล่าวเข้าพักพิง ตั้งบ้านเรือนที่สระบุรี เมื่อปีจอ พ. ๒๓๒๑ ต่อปีกุน พ.
2 / 5 จาก 6 คน) Voted By: คนภูไทใจดี, Satrog หากคุณเป็นเจ้าของนิตยสาร/โมเดลลิ่ง เอเจนซี่ ต้องการโปรโมท สามารถส่ง e-mail แจ้งทีมงานให้ตั้งค่า username ของคุณเป็น Official User ได้ที่ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ Comment ด้วย facebook
ในภาษาอังกฤษ คำว่าลาว ที่หมายถึงประเทศสะกดว่า "Laos" และ ลาวที่หมายถึงคนลาว และภาษาลาวใช้ "Lao" ในบางครั้งจะเห็นมีการใช้คำว่า "Laotian" แทนเนื่องจากป้องกันการสับสนกับเชื้อชาติลาว ที่สะกดว่า Ethnic Lao ในชื่อเต็มจะใช้ว่า (The Lao People's Democratic Republic) หรือในภาษาไทย (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว) ลาวเวียงบ้านสิงห์ สภาพทั่วไปของตำบล: พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มแอ่งกะทะ ลักษณะอุดมสมบูรณ์ มีระบบชลประทานไหลผ่านทั้งที่ตำบล เหมาะสมแก่การเกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์ อาณาเขตตำบล: ทิศเหนือ ติดกับ ต. บ้านฆ้อง อ. โพธาราม จ. ราชบุรี ทิศใต้ ติดกับ ต. บ้านไร่, ต. สามเรือน อ. เมืองราชบุรี ทิศตะวันออก ติดกับ ต. วัดแก้ว อ. บางแพ จ. ราชบุรี ทิศตะวันตก ติดกับ ต. คลองข่อย, ต. เจ็ดเสมียน อ. ราชบุรี จำนวนประชากรของตำบล: จำนวนประชากรในเขต อบต. 11, 330 คน และจำนวนหลังคาเรือน 3, 125 หลังคาเรือน ข้อมูลอาชีพของตำบล: อาชีพหลัก ทำนา เลี้ยงสัตว์ อาชีพเสริม อุตสาหกรรมพื้นบ้าน ชาวไทยลาวเวียงหรือกลุ่มชนชาวลาวตี้ในจังหวัดราชบุรีคือชนชาติลาวกลุ่มหนึ่งที่มี เชื้อสายลาวจากเวียงจันทน์ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งถูกกวาดต้อนเข้ามาในประเทศไทยประมาณ ๒๐๐ ปีมาแล้ว เหตุที่เรียกว่า "ลาวตี้" เนื่องจากคนกลุ่มนี้มักลงท้ายคำพูดในเวลาพูดว่า "ตี้" การเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทสไทยของลาวเวียงเริ่มขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี แต่ไม่ปรากฏว่าเข้ามาใน พ.
ตุ้มหู การเจาะหูนั้นภาษาล้านนา เรียกว่า บ่องหู ชาวไทใหญ่ เรียกว่า ปี่หู ส่วนตุ้มหูของชาวไทยวนมีลักษณะต่างๆ กันไป เช่น 'ด็อกหู' ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจเป็นคำๆ เดียวกับ 'ดอกหู' ซึ่งอาจหมายถึงการเอาดอกไม้มาเสียบไว้ที่ติ่งหูก็เป็นได้ จะมีลักษณะ เป็นตุ่มกลมๆ 'ลานหู' มีลักษณะเป็นแผ่นใบลาน แผ่นเงิน หรือทองคำ นำมาม้วนแล้วใส่เข้าไป เพื่อให้รูที่เจาะไว้ขยายกว้างออก เรียกว่า 'ควากหู' นอกจากนั้นยังมีคำต่างๆ ที่ใช้เรียกตุ้มหูอีกหลายคำ เช่น ท่อต๊าง ท่อต๊างลานหู หน้าต้าง หละกั๊ด เป็นต้น 2.