ยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญขอสั่งให้ "ยุบพรรค" นอกจากนี้ยังเข้าข่ายมาตรา 151 พ. ส. หรือไม่ ที่ระบุว่า ผู้สมัครรู้ตัวว่าไม่มีสิทธิแล้วยังสมัครรับเลือกตั้ง ระวางโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20, 000-200, 000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี โดยศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งจะเป็นผู้พิจารณาตัดสิน ทั้งนี้ก่อนถึงเวลาอ่านคำวินิจฉัยในเวลา 14. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้นัดประชุมในเวลา 10. เพื่อแถลงด้วยวาจาและลงมติ และเพื่อไม่ให้ผลการวินิจฉัยรั่วไหลก่อนที่จะมีการออกนั่งบังลังก์อ่านคำวินิจฉัย ทางศาลจะมีการตัดสัญญาณโทรศัพท์เป็นช่วง ๆพร้อมให้ตุลาการอยู่ภายในห้องประชุม จนกว่าจะจัดทำคำวินิจฉัยเสร็จสิ้นและออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในช่วงเวลา 14. 00 น. และมีรายงานว่า นายธนาธร และแกนนำพรรคอนาคตใหม่ จะเดินทางมาศาลรัฐธรรมนูญรับฟังคำวินิจฉัยด้วยตนเอง โดยจะเดินทางมาถึงเวลาประมาณ 13. 30 น. ย้อนรอยคดีนี้ เริ่มต้นจากกศูนย์ข่าวอิศราเข้าไปขุดคุ้ยรายละเอียดการโอนหุ้นไปมาในครอบครัว "จึงรุ่งเรืองกิจ" ต่อมาได้จุดประกายให้นาย ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ยื่นคำร้องต่อกกต. เมื่อวันที่ 25 มี. ค. 62 หลังผ่านการเลือกตั้งมาได้เพียง 1 วัน โดยคำร้องระบุว่านายธนาธร หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้สมัคร ส.
แม่จัน ทั้ง 10 คน เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นจริงตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ จึงพิพากษายืนตามมติของ กกต. และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายยงยุทธเป็นเวลา 5 ปี และจากการที่นายยงยุทธ ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนโดนใบแดง กกต. จึงได้ดำเนินการต่อ โดยสรุปสำนวนส่งให้อัยการสูงสุด เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เสนอยุบพรรคพลังประชาชน และการที่นายยงยุทธ โดน "ใบแดง" นี่เอง เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พรรคพลังประชาชนถูกยุบในเวลาต่อมา โดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่าการที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรค กระทำการฝ่าฝืน พรป. เลือกตั้ง ส. ฯ ที่มีผลทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริต และได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่พรรคพลังประชาชนและคณะกรรมการบริหารพรรคคนอื่นๆ ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย